top of page
ค้นหา

วิธีการระบุความเสี่ยง (Risk Identification) ที่องค์กรควรรู้

  • รูปภาพนักเขียน: Ruttakorn
    Ruttakorn
  • 21 ม.ค.
  • ยาว 1 นาที

อัปเดตเมื่อ 27 ส.ค.

การบริหารความเสี่ยง (Risk Management) ถือเป็นส่วนสำคัญที่ทุกองค์กรต้องให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก กลาง หรือใหญ่ เพราะความเสี่ยงสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอก หากองค์กรสามารถ ระบุความเสี่ยง (Risk Identification) ได้อย่างถูกต้องและครอบคลุม ก็จะช่วยวางแผนรับมือและลดผลกระทบได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในบทความนี้ เราจะพามาดูว่า วิธีการระบุความเสี่ยงมีอะไรบ้าง ที่นิยมใช้กันในองค์กร เพื่อให้ผู้บริหารและทีมงานสามารถเลือกใช้วิธีที่เหมาะสมกับบริบทของธุรกิจ


เทคนิคการระบุความเสี่ยง
เทคนิคการระบุความเสี่ยง

1. Risk Assessment Workshop (การประชุมเชิงปฏิบัติการประเมินความเสี่ยง)

เป็นวิธีที่องค์กรนิยมใช้มากที่สุด โดยการจัดเวิร์กชอปเพื่อวิเคราะห์ความเสี่ยงร่วมกันกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร หัวหน้างาน หรือพนักงานในแต่ละฝ่าย จุดเด่นคือสามารถแลกเปลี่ยนมุมมองที่แตกต่างกัน และช่วยระบุความเสี่ยงที่อาจมองข้ามไปได้


2. Industry Benchmarking (การเทียบเคียงอุตสาหกรรม)

ธุรกิจในอุตสาหกรรมเดียวกันมักเจอความเสี่ยงคล้าย ๆ กัน การใช้ข้อมูลการเทียบเคียง (Benchmarking) จากองค์กรอื่นหรือจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ จะช่วยให้องค์กรเห็นแนวโน้มความเสี่ยงและเตรียมการได้ล่วงหน้า


3. Brainstorming (การระดมความคิด)

การระดมสมองในกลุ่มที่มีทั้งผู้เชี่ยวชาญและผู้ปฏิบัติจริง จะทำให้ได้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความเสี่ยง โดยเปิดโอกาสให้แต่ละคนแสดงมุมมองตามประสบการณ์ตรง วิธีนี้จะช่วยให้องค์กรไม่พลาดมุมมองที่หลากหลาย


4. Interview (การสัมภาษณ์)

การสัมภาษณ์ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เช่น ผู้จัดการฝ่าย พนักงาน หรือแม้กระทั่งลูกค้า สามารถช่วยระบุความเสี่ยงได้อย่างตรงจุด โดยเฉพาะเมื่อใช้คำถามปลายเปิดที่กระตุ้นให้ผู้ตอบอธิบายเชิงลึก


5. Questionnaires (แบบสอบถาม)

หากต้องการรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างจำนวนมาก แบบสอบถามถือเป็นวิธีที่สะดวกและรวดเร็ว โดยมักใช้คำถามปลายปิดเพื่อให้ง่ายต่อการสรุปผล แม้จะไม่เหมาะกับการวิเคราะห์เชิงลึกมากนัก แต่ช่วยให้เห็นภาพรวมของความเสี่ยงได้ดี


6. Past Incident Report (การอ้างอิงเหตุการณ์ที่ผ่านมา)

การนำข้อมูลจาก เหตุการณ์ในอดีต (Incident Report) มาวิเคราะห์ ถือเป็นแหล่งข้อมูลที่มีคุณค่า เพราะช่วยให้องค์กรมองเห็นความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจริง และสามารถนำมาวางแผนป้องกันไม่ให้ซ้ำรอยเดิม


7. Business Study (การศึกษาธุรกิจ)

การศึกษากระบวนการทำงานและกิจกรรมทางธุรกิจโดยรวม จะทำให้เห็นโอกาสและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น วิธีนี้เหมาะสำหรับการวางแผนเชิงกลยุทธ์และการขยายธุรกิจ


สรุป


การระบุความเสี่ยง (Risk Identification) มีหลายวิธีให้เลือกใช้ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และลักษณะของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการทำ Workshop, Benchmarking, Brainstorming, การสัมภาษณ์, แบบสอบถาม, รายงานเหตุการณ์ในอดีต หรือการศึกษาธุรกิจ ล้วนเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้องค์กรเข้าใจความเสี่ยงและพร้อมรับมือได้ดียิ่งขึ้น


หากองค์กรของคุณกำลังมองหาการอบรมหรือที่ปรึกษาด้าน Risk Management และ ISO Standard ทีมงาน PVI Consultant สามารถช่วยให้คุณและทีมงานเข้าใจแนวทางการบริหารความเสี่ยง พร้อมประยุกต์ใช้ในองค์กรได้จริง

 
 
 

ความคิดเห็น


bottom of page