top of page
ค้นหา

CFO & CFP ต่างกันอย่างไร? ทำไมธุรกิจต้องทำทั้งสองเพื่อความยั่งยืน

  • รูปภาพนักเขียน: Ruttakorn
    Ruttakorn
  • 6 วันที่ผ่านมา
  • ยาว 1 นาที
CFO & CFP ต่างกันอย่างไร?
CFO & CFP ต่างกันอย่างไร?

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป แต่กำลังเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการแข่งขันทางธุรกิจโดยตรง ทั้งด้านกฎหมาย สิ่งแวดล้อม ความต้องการของลูกค้า และการลงทุน องค์กรที่สามารถวัดและจัดการ คาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) ได้อย่างเป็นระบบ จะได้เปรียบทั้งในด้านชื่อเสียงและการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ


มาตรฐานสากลที่ใช้กันทั่วโลกก็คือ มาตรฐานในตระกูล ISO 14060 สำหรับ GHG (Green House Gas) ซึ่งมี 2 มาตรฐานหลักที่เกี่ยวข้องกับองค์กรภาคธุรกิจ ได้แก่ ISO 14064-1 (CFO) และ ISO 14067 (CFP) ซึ่งแม้จะคล้ายกัน แต่มีความแตกต่างที่ธุรกิจควรเข้าใจอย่างชัดเจน


CFO คืออะไร? (ISO 14064-1)


CFO – Carbon Footprint of Organization คือการคำนวณและรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของ ทั้งองค์กร ครอบคลุม

  • Scope 1: การปล่อยตรงจากกิจกรรม เช่น เชื้อเพลิงในโรงงาน

  • Scope 2: การใช้พลังงานไฟฟ้า ความร้อน ไอน้ำที่ซื้อมา

  • Scope 3: การปล่อยทางอ้อมในซัพพลายเชน เช่น วัตถุดิบ ขนส่ง การเดินทางของพนักงาน


✅ ประโยชน์ของ CFO

  • ใช้เป็น baseline สำหรับกลยุทธ์ลดคาร์บอน

  • รองรับการรายงาน ESG และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

  • เพิ่มความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ขององค์กร


Scope ของ Carbon Footprint
Scope ของ Carbon Footprint

CFP คืออะไร? (ISO 14067)


CFP – Carbon Footprint of Product คือการวิเคราะห์การปล่อยก๊าซเรือนกระจกใน ระดับผลิตภัณฑ์หรือบริการ ตลอดวัฏจักรชีวิต (Life Cycle Assessment: LCA) ตั้งแต่วัตถุดิบ → การผลิต → การขนส่ง → การใช้งาน → การจัดการเมื่อหมดอายุการใช้งาน


✅ ประโยชน์ของ CFP

  • ทำให้สินค้าแตกต่างในตลาด (Low Carbon Product)

  • เพิ่มความเชื่อมั่นต่อลูกค้าและนักลงทุน

  • ใช้เป็นข้อมูลออกแบบผลิตภัณฑ์เชิงนิเวศ (Eco-design)


วัฏจักรชีวิตของ Carbon Footprint สำหรับ ผลิตภัณฑ์
วัฏจักรชีวิตของ Carbon Footprint สำหรับ ผลิตภัณฑ์

CFO vs CFP ต่างกันอย่างไร?


ตารางแสดง ความแตกต่างของ CFO และ CFP
ตารางแสดง ความแตกต่างของ CFO และ CFP

ทำไมธุรกิจควรทำทั้ง CFO และ CFP?


  • CFO ให้มุมมองภาพรวมทั้งองค์กร → บริหารความเสี่ยงและวางกลยุทธ์

  • CFP ให้รายละเอียดเชิงลึกในระดับสินค้า → สร้างความได้เปรียบทางการตลาด

  • การทำทั้งสองจะทำให้ธุรกิจมี Holistic Strategy ที่ครอบคลุมทั้ง การดำเนินงาน และ นวัตกรรมผลิตภัณฑ์


สรุป


ในยุคที่โลกกำลังจับตามองเรื่องคาร์บอนและสิ่งแวดล้อม การเข้าใจและใช้ ISO 14064-1 (CFO) และ ISO 14067 (CFP) อย่างถูกต้องคือกุญแจสำคัญในการทำให้ธุรกิจ แข่งขันได้, ยั่งยืน, และ เป็นที่ยอมรับ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ


ที่ PVI Consultant เรามีความเชี่ยวชาญในการจัดทำ CFO และ CFP พร้อมให้คำปรึกษาอย่างครบวงจร

  • วัดคาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กรและผลิตภัณฑ์

  • จัดทำรายงานตามมาตรฐานสากล

  • เตรียมพร้อมสำหรับการตรวจประเมินและการสื่อสาร ESG


👉 สนใจเริ่มต้น? ติดต่อเราได้เลย



 
 
 

ความคิดเห็น


bottom of page